สถานการณ์เรื่องการเปลี่ยนงาน เชื่อได้ว่าเคยเกิดขึ้นกับทุกคน ไม่ว่าใครก็อยากจะมีหน้าที่การงานที่ดีขึ้น อยากอัพเงินเดือนให้สูงขึ้น หรือแม้กระทั่งปัญหาเบื่องาน เพราะเจอสภาพแวดล้อมสังคมเพื่อนร่วมงานที่ไม่ดี แต่การเปลี่ยนงานนั้นใช่คำตอบสุดท้ายของสิ่งเหล่านี้จริงหรือ? วันนี้อยากให้ทุกคนที่คิดจะเปลี่ยนงานอ่านบทความนี้ให้จบ แล้วหาคำตอบให้กับตัวเองกันครับว่าท้ายที่สุดแล้ว การเปลี่ยนงานที่กำลังจะเกิดขึ้นจะส่งผลดีหรือผลเสียให้กับตัวเรามากกว่ากัน
เมื่อไหร่ที่เราควรคิดจะเปลี่ยนงานนั่นหมายถึงคือ ความก้าวหน้าของคนรุ่นเดียวกันกับเรา อาจจะดูว่าเพื่อนอายุรุ่นเดียวกัน เพื่อนที่จบมาด้วยกัน เพื่อนที่เคยทำงานด้วยกัน โดยส่วนใหญ่เขาไปถึงไหนกันแล้ว และถ้าปรากฏว่าเราอยู่ในกลุ่มล้าหลัง ก็น่าจะถึงเวลาของการเปลี่ยนงานของเราได้เหมือนกัน แต่ถ้าเราจัดอยู่ในกลุ่มก้าวหน้าอยู่แล้ว ก็อาจจะยังไม่ต้องคิดถึงการเปลี่ยนงานก็ได้ครับ
เป็นเรื่องปกติของมนุษย์เงินเดือนอยู่แล้วที่จะอยากเปลี่ยนงานเพื่ออัพเงินเดือนให้สูงขึ้น บางคนแทบไม่เคยย้ายงานเลย ทั้งๆ ที่มีความสามารถ แต่กลับเงินเดือนน้อยกว่าคนที่ย้ายงานบ่อยๆ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับลัษณะงาน ประสบการณ์ และความสามารถของแต่ละบุคคลด้วย
สิ่งนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่รองจากเงินเดือนที่ทุกๆ คนต่างก็มองหาในบริษัทต่างๆ ถ้ายิ่งมีสิทธิประโยชน์ที่ดี ก็จะทำให้คุณภาพชีวิตของการทำงานของเราดียิ่งขึ้นอีกด้วย
แน่นอนครับว่าบริษัทแต่ละบริษัทย่อมมีระบบงานที่แตกต่างกัน การเปลี่ยนงานทำให้เราเรียนรู้ระบบงานที่หลากหลาย ช่วยเปิดมุมมมองการทำงานใหม่ๆ เรียนรู้ถึงข้อดี ข้อเสียจากหลายๆ องค์กร เพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงานของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
มีหลายๆ คนที่ต้องทำงานไกลบ้าน ตื่นตั้งแต่ตี 4 - 5 ออกไปทำงาน เพื่อหนีรถติดในช่วงเช้า เลิกงานกว่าจะกลับถึงบ้านก็ 2-3 ทุ่ม ซึ่งถือว่าไม่มีเวลาเป็นของตัวเองเลย การเปลี่ยนที่ทำงานย้ายมาอยู่ใกล้บ้าน ทำให้เรามีเวลาจัดการหรือให้ความสุขกับตัวเองได้มากขึ้นครับ
เมื่อนายจ้างเห็นประวัติการทำงานของคุณในแต่ละที่เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ มันเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างที่ไม่ค่อยดีนักให้แก่นายจ้าง ทำให้เขาไม่มั่นใจว่าคุณจะอยู่กับเขาได้นาน หรือทุ่มเททำงานให้เขาอย่างเต็มที่หรือไม่ คิดได้อีกแง่ว่าคุณอาจมีลักษณะนิสัยที่เป็นปัญหาต่อการทำงานอีกด้วยครับ
ทำให้ตกงาน มีหลายครั้งที่เราได้ยินเพื่อนบ่นว่า งานหนักมาก เหนื่อยมาก รับไม่ไหว ทนไม่ไหวแล้ว ตัดสินใจโดยการที่ลาออกโดยที่ไม่มีการวางแผนสำรองว่า ออกมาแล้วจะมีงานที่อื่นรองรับหรือไม่ ไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี หรือมีเงินสำรองไว้สำหรับตอนหาที่ทำงานใหม่หรือเปล่า หลายคนชีวิตเปลี่ยนเพราะอารมณ์ชั่ววูบ โดยไม่ไตร่ตรองผลที่จะเกิดขึ้น กลายเป็นคนว่างงาน งานนี้มีแต่พังกับพังครับ
การทำงานในที่ทำงานเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่ทำให้เราต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่นที่ต่างคนต่างที่มา จริงๆ แล้วจะพูดว่าเรื่องนี้อยู่ที่ดวง ก็ไม่แปลก การที่เราเจอเพื่อนร่วมงานดีก็เหมือนถูกหวย ถึงแม้งานจะหนักแค่ไหนก็ตามก็ช่วยเหลือกัน แต่บางคนโชคร้ายเจอเพื่อนร่วมงานที่เห็นแก่ตัว งานก็หนักอยู่แล้วยังต้องมาเจอกับคนแบบนี้ก็ยากที่จะรับมือไหว แต่คนที่คิดจะเปลี่ยนงานเพราะเหตุผลนี้ อยากให้ลองตัดสินใจดูอีกที เพราะไปที่ใหม่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะไม่เจอคนจำพวกนี้อีก สิ่งที่อยากให้ลองทำดูก่อน คือปรึกษาหัวหน้างาน ว่ามีวิธีแก้ไขอะไรได้บ้าง ก่อนที่จะตัดสินใจออกครับ
จริงๆ แล้วอาจมีเหตุผลอื่นที่ทำให้หลายๆ คนตัดสินใจเปลี่ยนงาน หรือตัดสินใจลาออก แต่สิ่งหนึ่งที่อยากจะแนะนำคือ อย่าลืมวางแผนการเงินให้ดีก่อนคิดจะเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนงานกะทันหัน เพราะเรื่องสุขภาพเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ด้วยประกันสุขภาพได้หมด จากแมนูไลฟ์ หากแม้เราเจ็บป่วยระหว่างที่หางานใหม่หรือตกงาน ก็ยังได้รับการคุ้มครองสุขภาพ รวมไปถึง ค่าห้อง และค่ารักษาพยาบาล ตัดความกังวลในส่วนนี้ไปได้เลยครับ