สำหรับเด็กๆแล้ว ในช่วงที่อากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝนแบบนี้ ทำให้เด็กป่วยบ่อยไม่สบายได้ง่าย เพราะภูมิต้านทานของเด็กน้อยกว่าผู้ใหญ่ มักทำให้เกิดโรคในเด็กได้ง่าย และอาการป่วยของเด็กๆ ก็มักจะรุนแรง ทำให้คุณพ่อคุณแม่วิตกกังวล เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังโรคที่อาจเกิดขึ้นในเด็ก เราจึงรวบรวมข้อมูลของโรคยอดฮิตที่พบในเด็ก เพื่อให้บรรดาคุณพ่อคุณแม่ทำความเข้าใจ พร้อมกับรับมือเพื่อหาวิธีการป้องกันให้กับลูกน้อยของคุณ ว่าแต่จะมีโรคอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกันครับ
โรคไข้หวัดใหญ่เป็นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเฉียบพลัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสที่อยู่ในอากาศหรือสารคัดหลั่ง ทั้งน้ำมูก น้ำลาย หรือการไอ จามใส่กัน ก็เป็นสาเหตุให้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ ในเด็กมักจะเกิดในช่วงปลายฤดูฝนเข้าสู่ต้นฤดูหนาว ซึ่งความชื้นในช่วงหน้าฝนนั้นจะทำให้โรคในกลุ่มไวรัสที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจนั้นเจริญเติบโตได้ดีกว่าปกติ ซึ่งมีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน คือ ชนิดเอ บีและซี
อาการ: มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว หนาวสั่น ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ และอาจมีอาการของระบบร่างกายอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ตาแดง ร่วมด้วย ถ้าเป็นนานเด็กจะมีภาวะขาดนํ้า ไม่ทานอาหาร บางรายอาจนำสู่โรคหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ และอาจเป็นไซนัสอักเสบร่วมด้วย และอาจมีโรคที่มีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาสมทบเป็นโรคติดต่อทางผิวหนัง ที่เกิดจากเชื้อไวรัสมักจะระบาดในช่วงฤดูหนาวถึงฤดูร้อน ทำให้ร่างกายเกิดผื่นคัน มีตุ่มนูนๆ ขนาดเล็ก หรือตุ่มน้ำใสๆ ทั่วร่างกาย สามารถติดเชื้อได้จากการใช้ของร่วมกับผู้ที่เป็นโรค และยังติดเชื้อได้จากระบบทางเดินหายใจ เช่น การไอ จาม หายใจ เป็นต้น ส่วนใหญ่มักเกิดได้บ่อยในเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย และยังแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
อาการ: มีไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว ไม่อยากอาหารในช่วง 1-2 วันแรกของการติดเชื้อ มีผื่นขึ้นตามใบหน้า ลำตัว หลัง เป็นจุดแดงๆ ตามร่างกาย ผื่นแดงเหล่านี้จะกลายเป็นตุ่มพองขนาดเล็ก มีน้ำใสๆ ภายใน 2-4 วัน ก่อนจะเกิดการตกสะเก็ดในสัปดาห์ต่อมา ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการคันบริเวณที่เกิดผื่นหรือตุ่มพองอยู่บ่อยครั้ง อาการส่วนใหญ่จะไม่ร้ายแรงในเด็กเล็ก แต่ในวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่อาจเกิดเป็นโรคที่มีความรุนแรงมากขึ้น สำหรับผู้ที่เคยฉีดวัคซีนโรคอีสุกอีใสก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน หากพบมีอาการผิดปกติที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 1 ปี ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีโรคมือเท้าปาก เป็นโรคที่พบในเด็กเล็ก หรือต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งมีอาการที่รุนแรงมากกว่าเด็กโต สามารถติดต่อกันได้ง่ายจากการสัมผัส น้ำลาย น้ำมูก อุจจาระ และน้ำในตุ่มของผู้ป่วยโดยเข้าทางปากโดยตรง หรืออาจติดมากับมือ ของเล่น การใช้ภาชนะร่วมกับผู้อื่น มักพบโรคนี้ในสถานรับเลี้ยงเด็กและโรงเรียนอนุบาล ถึงแม้ว่าโรคนี้จะไม่มีวิธีการรักษาโดยเฉพาะ แต่ก็ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ เป็นตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักวิธีดูแลลูกได้อย่างถูกต้อง หากลูกของคุณเป็นโรคนี้จะได้รู้วิธีป้องกันและวิธีรับมือได้อย่างถูกต้อง
อาการ: จะมีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย หลังจากนั้นภายใน 2-3 วันจะมีอาการเจ็บปาก มีตุ่มแดงที่ลิ้น เพดานปากและกระพุ้งแก้ม และจะกลายเป็นตุ่มพองใส เมื่อตุ่มแตกออกจะเป็นแผลหลุมตื้นๆ มีผื่นขึ้นที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้าและก้น แต่จะไม่คัน โดยทั่วไปของโรคนี้จะมีอาการไม่รุนแรงและหายได้เอง ไข้จะลดลงภายใน 3-5 วัน จะค่อยๆ ดีขึ้น และหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน แต่หากเกิดภาวะแทรกซ้อนมีความรุนแรงอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้โรคไข้เลือดออกเป็นโรคที่มาพร้อมกับ ยุงลาย ที่มีอายุเพียง 7 วันเท่านั้น ซึ่งโรคนี้สามารถเป็นได้ทุกฤดู ยิ่งในฤดูฝนมีความเสี่ยงสูง โดยกลุ่มอายุที่พบเป็นโรคนี้ก็คือ อายุ10-14 ปี ในขณะที่กลุ่มเสี่ยงมีโอกาสเสียชีวิตสูงเมื่อป่วยเป็นไข้เลือดออก ก็คือ เด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี กลุ่มผู้สูงอายุ คนท้อง หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เป็นต้น
อาการ: อาการเบื้องต้นจะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป เช่น มีไข้สูง ตัวร้อน ปวดหัว ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย แต่ผู้ป่วยไข้เลือดออกจะมีอาการที่รุนแรงกว่า คือมีไข้สูงมาก ปวดหัวมาก ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกระบอกตา ปวดท้องมาก บางรายอาจมีคลื่นไส้อาเจียน อาจพบผื่นแดงหรือจ่ำเลือดใต้ผิวหนังหรือมีภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาคือโรคที่ภูมิในร่างกายมีปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้หรือสิ่งแวดล้อมบางอย่างไวกว่าคนปกติ ทำให้เกิดอาการผิดปกติกับอวัยวะที่สัมผัสสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ ส่งผลให้เกิดอาการแสดงได้ในหลายระบบของร่างกาย เช่น ระบบผิวหนัง ระบบทางเดินหายใจ และระบบทางเดินอาหาร ซึ่งผู้ป่วยโรคนี้แต่ละคนจะมีอาการแตกต่างกันและความรุนแรงไม่เท่ากัน เพราะชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่ได้รับและการตอบสนองของร่างกายแต่ละบุคคลต่างกัน อาจเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม หรือสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง ควันบุหรี่ เป็นต้น
อาการ:เป็นอาการถ่ายอุจจาระเหลวหรือเป็นน้ำมากกว่าปกติ หรือในบางครั้งถ่ายเป็นมูกปนเลือด มักเกิดจากการติดเชื้อหรือภาวะอาหารเป็นพิษ หลังจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคเข้าไป โดยอาการจะเกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ในบางรายอาการอาจเรื้อรังเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเกิดจากโรคอื่น ๆ ได้ เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือโรคลำไส้แปรปรวน แต่ถ้าเด็กแรกเกิด ที่กินนมแม่อาจถ่ายอุจจาระนิ่มเหลวไม่มีมูกปนเลือดหรือกลิ่นเหม็น โดยไม่มีอาการอ่อนเพลีย อาเจียน หรือเป็นไข้ถือว่าปกติ
อาการ:ในอนาคตอาจมีโรคเกิดขึ้นใหม่ เปลี่ยนไปตามฤดูกาลและสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป การดูแลสุขภาพลูกน้อยก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญ เพราะในอนาคตไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การป้องกันและการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อยก็คือ การทำประกันสุขภาพให้กับลูก เพราะเด็กบางคนป่วยบ่อย ยังไม่มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงเหมือนผู้ใหญ่ มีการเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายต้องตามมา ทั้งค่าหมอ ค่ายา การมีประกันสุขภาพเด็กจะช่วยแบ่งเบาค่ารักษาพยาบาล ลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไปได้มาก อย่างประกันสุขภาพเด็ก แมนูไลฟ์ Max Kids ที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ 1 เดือน 1 วัน ด้วยค่าห้องค่ารักษาสูงถึง 4,000 บาทต่อวัน ค่าชดเชยยามเจ็บป่วยสูงสุดถึงวันละ 1,000 บาท ทั้งยังคุ้มครองสำหรับอุบัติเหตุ สูงสุดถึง 6,000 บาทต่อครั้ง สุขภาพก็ได้ เก็บออมก็มี พร้อมตอบโจทย์ให้กับคุณพ่อและคุณแม่ยุคใหม่ ให้หมดกังวลในค่าใช้จ่ายสำหรับลูกน้อยของคุณ
ที่มาของข้อมูล : Phyathai.com, Pobpad.com, rakluke.com, mamaexpert.com, play.scblife.co.th, bumrungrad.com