การทํางานแฟชั่นเปรียบเสมือนกับการ Learning by doing หรือการเรียนรู้ด้วยการเห็นแล้วลงมือทํา เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเรื่อยๆจนสามารถทําได้ด้วยตนเอง เป็ นการเรียนรู้เกิดจากการเก็บเล็กผสมน้อยโดย ใช้มันสมองและสองมือ ซึ่งลักษณะของกระบวนการสร้างสรรค์งานแฟชั่นตั้งแต่ต้นนํ้าถึงปลายนํ้านั้นมีหลาย ขั้นตอน ซับซ้อนยุ่งยากเกินกว่าจะมีทฤษฎีกําหนดตายตัวหรือมีผู้บอกเล่าเส้นทางสู่ความสําเร็จได้อย่าง ครบถ้วน แต่กระนั้น แบรนด์เสื้อผ้าหรือสินค้าแฟชั่นไทยจํานวนไม่น้อยที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งลงทุนมหาศาลกับการสร้างสรรค์งานในแต่ละคอลเลคชั่น ทําการตลาดและโฆษณาไปก็มาก แต่กลับได้รับ ผลกระทบจากความไม่เป็ นธรรมจากการถูกละเมิดลิขสิทธ์โดยการลอกเลียนแบบสินค้าเพื่อทําขาย สร้างความ เสียหายในแง่ของมูลค่าทางการเงินและพลังขับดันในแรงสร้างสรรค์งานของนักออกแบบ กรณีศึกษา : 1. การลอกเลียนแบบลายผ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Kloset ภาพสินค้าลอกเลียนแบบลายผ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Kloset ที่มาของภาพ : http://thaicatwalk.com/?p=19440 การลอกเลียนแบบลายผ้าของแบรนด์เสื้อผ้า Kloset กลายเป็ นกรณีโด่งดังเมื่อประมาณ2-3ปี ที่แล้ว เกี่ยวกับการแจ้งจับผู้ต้องหา ข้อหาผลิตสินค้าลอกเลียนแบบโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยเอาผิดด้วยการฟ้ องร้อง ทั้งทางแพ่ง และทางอาญา เพื่อเอาผิดผู้ผลิตและผู้จําหน่าย โดยในส่วนของการผลิตสินค้าลอกเลียนแบบ อาจจะมีต้นทุนที่ถูก ทําให้สามารถขายสินค้าได้ถูกกว่าของแบรนด์ แต่ในระยะยาวนั้น การสนับสนุนสินค้า ลอกเลียนแบบของผู้บริโภค ถือเป็ นการซํ้าเติมให้เจ้าของแบรนด์ นักออกแบบหรือทีมงานทั้งหลายเสียกําลังใจ และหยุดการพัฒนาแบรนด์ไทยให้ก้าวหน้าต่อไป ในกรณีศึกษานี้ ลักษณะของสินค้าลอกเลียนแบบจะเป็ นการลอกเลียนแบบในสาระสําคัญของการ ออกแบบเสื้อผ้า กล่าวคือลอกเลียนแบบลายลิขสิทธิ์ แล้วเปลี่ยนสีหรือตัวอักษร ลักษณะพฤติกรรมของกลุ่ม ผู้บริโภคกลุ่มนี้นั้น จะมีแรงจูงใจและมีความนิยมในการเลียนแบบการแต่งกายของดาราที่ใส่แบรนด์ Kloset จึง เกิดการตัดทอนต้นทุนทางความคิดโดยการลอกเลียนเพื่อลดต้นทุนให้ถูกกว่า กรณีศึกษา 2. การลอกเลียนแบบสินค้ากระเป๋ าสตรีแบรนด์ Aristotle กระเป๋ าสตรีแบรนด์ARISTOTLE ที่เป็ นที่รู้จักและยอมรับในวงการแฟชั่นและโด่งดังในอเมริกา โดยคุณ เติ้ลและคุณโตโต้เริ่มต้นจากการขายออนไลน์เฟสบุค หรืออีเมล์ แต่ผลิตในจํานวนไม่มาก เน้นรูปแบบที่เรียบง่าย ใช้งานง่าย มีเฉดสีให้เลือกมากมาย โดยเฉพาะโทนสีหวานที่ผู้หญิงชอบ สินค้ามีมาตรฐานและคุณภาพอยู่ใน ระดับดีมาก จนต่อมาได้ทําการปรับเปลี่ยนรูปแบบทางการตลาดโดยการศึกษาแนวโน้มความต้องการและ พฤติกรรมของกลุ่มเป้ าหมาย ทําให้มียอดขายและได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเป็ นลําดับ จากการสัมภาษณ์และพูดคุยเป็ นการส่วนตัวกับคุณเติ้ล หนึ่งในเจ้าของแบรนด์ พบว่าสินค้าของ แบรนด์นั้นถูกลอกเลียนและนําไปขายต่อเป็ นจํานวนมาก โดยทําการซื้อสินค้าจากแบรนด์แล้วส่งไปผลิตขายที่ ประเทศจีน จากนั้นจึงส่งกลับมาขายที่ตลาดล่างต่างๆ แต่ก็ได้มีมาตรการเด็ดขาดในการจ้างพนักงานเพื่อตาม จับของละเมิดลิขสิทธิ์ ของแบรนด์โดยไม่เคยย่อท้อที่จะสร้างสรรค์งานต่อไปเรื่อยๆ ภาพเปรียบเทียบสินค้าต้นแบบของแบรนด์(ด้านบน) กับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ (ด้านล่าง) ที่มาของภาพ :http://www.vrzochic.com/goods-81-Aristotle+Rose+bag+copy.html จากข้อมูลของกรณีศึกษาทั้งสองกรณีที่กล่าวถึง สามารถสรุปลักษณะของการทําสินค้าละเมิดลิขสิทธ์ ได้2 ลักษณะ ดังนี้ “การละเมิดลิขสิทธิ์ โดยตรง” 1. ทําโดยการซื้อสินค้าของแบรนด์แล้วส่งไปผลิตซํ้าเป็ นจํานวนมากที่ประเทศจีน โดยทําการเปลี่ยน วัสดุ ลดต้นทุน แล้วส่งกลับมาขายในตลาดล่าง 2. การลอกเลียนแบบโดยการรับสินค้าจากข้อที่ 1. มาขายออนไลน์ โดยที่สินค้าไม่ได้อยู่ที่ผู้ขาย ลักษณะเช่นนี้จะไม่มีของกลางอยู่ที่ตัวผู้ขายหรือแม่ค้าคนกลาง ทั้งสองหัวข้อนี้ถือว่าเป็ นการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยตรง คือ การทําซํ้า ดัดแปลง เผยแพร่แก่สาธารณชน มี โทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หากเป็ นการกระทําเพื่อการค้า มีโทษจําคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ “การละเมิดลิขสิทธิ์ โดยอ้อม” ผู้ขายหรือผู้รับสินค้ามาขายนั้นรับสินค้ามาขายแบบเหมาเพื่อขายในตลาดล่าง อาจไม่ได้ทําการ ตรวจสอบที่มาของสินค้า หรือตั้งใจที่จะรับสินค้ามาขายต่อเลย ในกรณีนี้ ถือว่าเป็ นการละเมิดลิขสิทธิ์ โดยอ้อม โทษของการกระทําดังกล่าวอาจไม่รุนแรงเท่ากับกรณีด้านบน ดังนี้ การละเมิดลิขสิทธิ์ โดยอ้อม คือ การ กระทําทางการค้า หรือการกระทําที่มีส่วนสนับสนุนให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ ดังกล่าวข้างต้น โดยผู้กระทํารู้อยู่ แล้ว ว่างานใดได้ทําขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ ของผู้อื่น แต่ก็ยังกระทําเพื่อหากําไรจากงานนั้น ได้แก่ การขาย มีไว้ เพื่อขาย ให้เช่า เสนอให้เช่า ให้เช่าซื้อ เสนอให้เช่าซื้อ เผยแพร่ต่อสาธารณชน มีโทษปรับตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท หากเป็ นการกระทําเพื่อการค้า มีโทษจําคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ เมื่อพ้นโทษแล้วยังไม่ครบกําหนดห้าปี กระทําความผิดนี้อีก จะต้องโทษเป็ นสองเท่า และค่าปรับที่ได้มี การชําระนั้น ครึ่งหนึ่งจะตกเป็ นของเจ้าของลิขสิทธิ์ การละเมิดลิขสิทธิ์ นั้นระวางโทษทีผิดทั้งทางแพ่งและอาญา ในส่วนของนักออกแบบนั้นได้มีการรวม รวมกลุ่มองค์กรของนักออกแบบเพื่อผนึกกําลังในการต่อต้านสินค้าลอกเลียนแบบ อีกทั้งยังให้ข้อเสนอแนะว่า อยากให้รัฐบาลนั้นให้ความสําคัญกับเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ มากกว่านี้ เพื่อประโยชน์ของผู้ซื้อผู้บริโภค ในส่วน ของผู้ขาย หากพ่อค้าแม่ขายบางคนกระทําลงไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือกระทําเพราะไม่รู้กฎหมาย ในทางที่ ดีควรศึกษาดูงานออกแบบและรู้กฎหมายไว้บ้าง เพื่อรู้เท่าทัน เพื่อปกป้ องตนเอง
ลิ้งต้นฉบับ
https://finearts.dpu.ac.th/upload/content/files/KM/Fashion%20Case%20Study_AJ%20June%20KM%20.pdf