ป้องกันโควิด 19 ด้วยวัคซีน เพิ่มการคุ้มกันX2 ด้วยประกันสุขภาพฟินชัวรันส์

ในขณะนี้ ประเทศไทยได้มีการนำเข้าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด 19 และเริ่มทำการฉีดให้กับประชาชนบางส่วน รวมถึงเริ่มมีการเปิดลงทะเบียนจองวัคซีนสำหรับประชาชนทั่วไป ผ่านทางโรงพยาบาลรัฐและเอกชน หลายคนเกิดความสนใจแต่ก็ยังมีความไม่มั่นใจถึงประสิทธิภาพและคุณภาพของตัววัคซีน ที่ยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย ในเรื่องของผลข้างเคียงและความปลอดภัยว่ามีมากน้อยแค่ไหน รวมถึงผู้ที่สนใจเข้ารับวัคซีน เราก็พร้อมจะนำเสนอช่องทางในการลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนให้ได้ทราบกันอย่างทั่วถึง

ที่มาของข้อมูล : bangkokhospital.com ,news.thaipbs.or.th,thestandard.co,si.mahidol.ac.th


      ทำไมวัคซีน โควิด 19 ถึงเป็นวัคซีนที่ทุกคนควรต้องฉีด

เนื่องจากโควิด 19 เป็นไวรัสที่แพร่กระจายอย่างแพร่หลายไปทั่วโลกในปัจจุบัน รวมถึงยังเป็นโรคที่มีความรุนแรง แพร่กระจายเชื้อได้ง่าย และยังไม่สามารถหาวิธีการรักษาให้หายขาดได้ จึงต้องหาวิธีการป้องกันตัวเองให้ได้มากที่สุด และวิธีที่ได้ผลมากที่สุดในปัจจุบันนี้คือการฉีดวัคซีน เนื่องจากวัคซีนป้องกันโควิด 19 จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนี้ และช่วยป้องกันการติดเชื้อหากได้รับเชื้อในอนาคต เพียงแต่อาจจะต้องใช้ระยะวลาให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาหลังจากการฉีดวัคซีน และถึงแม้ว่าวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันทุกคนที่ฉีดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ได้ 100% แต่มีการพบว่าสามารถลดความรุนแรงของโรคได้ และเนื่องจากเป็นโรคที่ถือว่าใหม่มากในปัจจุบัน จึงยังไม่มีการรับรองผลว่า เมื่อฉีดแล้วจะมีภูมิคุ้มกันโควิด 19 นานเท่าไหร่ หรือปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ภูมิในการต่อต้านไวรัสโควิด 19 ลดลงเมื่อได้รับวัคซีนไปแล้ว จึงควรที่จะปฏิบัติตัวตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เช่น ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และการเว้นระยะห่างทางสังคม

อาการหลังฉีดวัคซีนโควิด 19

ณ เวลานี้ ประเทศไทยมีวัคซีนจากบริษัท Sinovac และ AstraZeneca ในการฉีดให้แก่ประชาชน ซึ่งวัคซีนทั้งสองชนิดนี้ อาจทำให้เกิดอาการผลข้างเคียงหลังฉีดได้ 2 กรณี คือ

1. อาการที่สามารถคาดเดาได้
คืออาการปกติที่จะสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดวัคซีน เช่น รู้สึกปวด บวม แดงร้อน บริเวณที่ฉีด ครั่นเนื้อครั่นตัว มีไข้ หรือในบางรายนั้นมีอาการไข้สูง อาจจะต้องนอนพัก 2-3 วันให้อาการดีขึ้น แต่ไม่ใช่อาการร้ายแรง สามารถกินยาลดไข้ได้ตามปกติ

2. อาการที่ไม่สามารถคาดเดาได้
เนื่องจากเป็นอาการแพ้เฉพาะของแต่ละบุคคล ซึ่งมีทั้งแบบรุนแรงและไม่รุนแรง โดยจะพบได้ภายใน 30 นาทีหลังฉีด เช่น หน้ามืดเป็นลม ใจสั่น แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก เกิดผื่นพิษรอบตัว หน้าหรือปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน โดยจะมีอาการที่รุนแรงมาก

ดังนั้น ควรสังเกตอาการหลังจากการฉีดวัคซีนภายใน 30 นาทีในสถานพยาบาลที่ท่านได้รับการฉีด ถ้าหากมีอาการแพ้จะได้รักษาได้ทันท่วงที และหากกลับไปสังเกตอาการต่อที่บ้าน และมีอาการแพ้ที่ไม่รุนแรง จำเป็นที่จะต้องบันทึกความผิดปกติทุกอย่างที่รู้สึกได้ลงในแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม

• มีประวัติในการแพ้ยา วัคซีน อาหารหรือสิ่งที่ก่อให้เกิดการแพ้ต่างๆอย่างรุนแรง มีผลอันตรายถึงชีวิต
• ไข้เกิน 38 องศาเซลเซียสในวันที่นัดฉีด
• มีรอยช้ำ หรือจ้ำเลือด หรือมีอาการเลือดออกผิดปกติ รวมถึงการใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือดอยู่
• เป็นผู้มีภูมิคุ้มกันต่ำหรืออยู่ในระหว่างการใช้ยากดภูมิคุ้มกัน เช่น การใช้สเตียรอยด์ขนาดสูง, ยารักษาโรคมะเร็ง, ยากดภูมิคุ้มกันต่างๆ
• มีอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฉีดวัคซีนเข็มแรก
• อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร

เนื่องจากขณะนี้ในประเทศไทยยังมีวัคซีนในจำนวนที่จำกัด กระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรค จึงกำหนดกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องได้รับวัคซีนตามลำดับ หรือเริ่มจากพื้นที่ที่มีการระบาดก่อน และเริ่มฉีดกับประชาชนทั่วไป ในกลุ่มแรกที่จะให้เริ่มลงทะเบียน ได้แก่

• ผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกคน หรือผู้ที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2504
• ผู้ป่วย (อายุ 18ปี ถึงอายุ ต่ำกว่า 60 ปี) 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง
• โรคทางเดินหายใจเรื้อรังรุนแรง
• โรคหัวใจและหลอดเลือด
• โรคไตวายเรื้อรัง
• โรคหลอดเลือดสมอง
• โรคมะเร็ง
• โรคเบาหวาน
• โรคอ้วน

หลังฉีดวัคซีน ยังมีโอกาสเป็นโควิดหรือไม่ ?

เนื่องจากวัคซีนไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100% ดังนั้นแม้ฉีดวัคซีนแล้วก็ยังมีโอกาสเป็นโควิดได้อยู่ แต่วัคซีนสามารถช่วยลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างชัดเจน

แม้ว่าวัคซีนจะมีหน้าที่ในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งที่มีอาการแพ้ หรือมีผลข้างเคียงอย่างรุนแรง ซึ่งกรณีที่เกิดผลข้างเคียงอย่างรุนแรงแล้วผู้เชี่ยวชาญพิจารณา เห็นพ้องต้องกันว่าเกิดจากวัคซีน รัฐจะมีการชดเชยให้ตามข้อกำหนดมาตรา 41 ของพ.ร.บ. หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่จะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือเบื้องต้นหากผู้เข้ารับการบริการได้รับความเสียหาย

หรือในกรณีที่มีการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร รวมทั้งอาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่จะต้องพึ่งการรักษาตลอดชีวิต หรือส่งให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิต จะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท

หรือในกรณีที่มีการเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวร รวมทั้งอาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่จะต้องพึ่งการรักษาตลอดชีวิต หรือส่งให้เกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิต จะมีการจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท

ส่วนกรณีสูญเสียอวัยวะหรือพิการที่มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิต จ่ายเงินช่วยเหลือได้ตั้งแต่ 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 240,000 บาท และกรณีบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยต่อเนื่อง จ่ายเงินช่วยเหลือได้ไม่เกิน 100,000 บาท

ป้องกันโควิด 19 ด้วยวัคซีน เพิ่มการคุ้มกันX2 ด้วยประกันสุขภาพฟินชัวรันส์

ถึงแม้ว่าร่างกายจะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด 19 แล้ว แต่ทุกคนก็ยังต้องใส่หน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมืออย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันตนเองจากโรคโควิด 19 ในครั้งนี้ นอกจากวัคซีนจะเป็นตัวช่วยเพิ่มเกราะป้องกันแล้ว ประกันสุขภาพก็ยังสำคัญไม่แพ้กัน เพิ่มความพร้อมด้วยประกันสุขภาพฟินชัวรันส์ ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ที่ให้ความคุ้มครองครบ จะอุบัติเหตุเล็กใหญ่ โรคร้ายต่างๆ โรคฮิตทั่วไป มะเร็งทุกระยะ และค่ารักษาโควิด 19 ก็พร้อมดูแลด้วยค่ารักษาแบบเหมาจ่ายสูงสุดถึง 10 ล้านบาทต่อปีด้วย ค่าห้องสูงสุด 9,000 บาทต่อวัน พร้อม OPD สูงสุด 50,000 บาทต่อปี ไม่ต้องซื้อแยก ครบจบในใบเดียว

สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ แมนูไลฟ์ ฟินชัวรันส์ ได้ที่ : https://bit.ly/3gGiWQ0